ดูแลร่างกายมีความเสี่ยงหากใช้ในปริมาณที่ต่ำมาก[22] และสามารถรบกวนระบบฮอร์โมนได้ [23] การวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารเคมีที่ ทำลายต่อมไร้ท่อ เช่น พาราเบนและพาทาเลตอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงมากที่สุดในระหว่างการพัฒนาก่อนคลอดและหลังคลอดในช่วงต้น เมื่ออวัยวะและระบบประสาทก่อตัวขึ้น [24] การสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้เชื่อมโยงกับโรคต่อมไร้ท่อและมะเร็งบางชนิด [25] ตัวอย่างเช่น เป็นที่ทราบกันดีว่าสารก่อกวนต่อมไร้ท่อส่งผลต่อวิธีที่ร่างกายของผู้หญิงใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้นจึงเชื่อมโยงกับมะเร็งเต้านม [26]การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าสารก่อกวนต่อมไร้ท่อสามารถทำร้ายระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นผลที่ทำให้เราไวต่อโรคและไวรัสมากขึ้น เครื่องสำอาง หลายชนิดเชื่อมโยงกับความเสี่ยงเฉียบพลัน เช่น แผลไหม้และการติดเชื้อ ขั้นตอนการยืดผมที่ใช้ฟอร์มาลดีไฮด์ซึ่งเรียกว่า การรักษาเคราติน มีความเชื่อมโยงกับผมร่วง ผื่น ตุ่มพอง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน และสูญเสียการรับรสและกลิ่น [27] เครื่องสำอางอื่นๆ ทำให้ผมร่วง [28] องค์การอาหารและยายังคงตรวจพบเครื่องสำอางที่ปนเปื้อนแบคทีเรีย รวมถึงครีมอาบน้ำ แป้งทาหน้า อายแชโดว์และโลชั่น หรือมีสารเคมีห้ามใช้สี รวมถึงแชมพู สบู่ น้ำยาทำความสะอาด และรอยสักชั่วคราว [29]