คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ สกุลเงินดิจิตทัล อย่างหนึ่ง ในการทำธุรกรรมต่างๆในระบบดิจิทัล ซึ่งมีความแตกต่างกับเงินตราของแต่ละประเทศที่เป็นทั้ง ธนบัตร เหรียญ ที่สามารถจับต้องได้ การทำธุรกรรมของ คริปโทเคอร์เรนซี ต้องผ่านระบบ บล็อกเชน เพราะมีความปลอดภัย ไม่ผ่านตัวกลาง มีการเข้ารหัส ยากต่อการแก้ไขข้อมูล

บล็อกเชน (Blockchain) คืออะไร

ระบบที่มีฐานการกระจายศูนย์ เก็บข้อมูลเป็นบล็อก แต่ละบล็อกเชื่อมกันด้วยรหัส เป็นต่อๆเหมือนโซ่ต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งการกระจายข้อมูลจะไม่มีตัวกลาง ทำให้มีความปลอดภัยสูง ยากจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขรวดเร็วในการทำธุรกรรม มีต้นทุนต่ำ เสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมน้อยกว่าปกติ มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบย้อยหลังได้ มีการบันทึกข้อมูลเอาไว้จะปลอมแปลงนั้นทำได้ยาก

สิ่งที่แตกต่างระหว่างคริปโตฯ Coin และ Token

คือ Coin ถูกสร้างขึ้นอยู่บนระบบ บล็อกเชน ของตนเอง ในซื้อขายแลกเปลี่ยน ทำบริการต่างๆ แต่ Token สร้างขึ้นจาก ระบบบล็อกเชน อื่น จะสามารถใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดเพียงเท่านั้น

เหรียญคริปโต 8 กลุ่ม มีอะไรบ้าง

• กลุ่ม Currency

คือเหรียญที่ใช้ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแทนสกุลเงินปกติ เก็บรักษามูลค่าได้ มีจำนวนจำ-กัด ไม่เพิ่มจำนวน คนยิ่งต้องการมากแค่ไหน ค่าของเหรียญก็จะเพิ่มขึ้น เช่น Bitcion (BTC)

• กลุ่ม Smart Contract หรือ สัญญาอัจฉริยะ

เป็นเหรียญในเครือบล็อกเชน รองรับการใช้สัญญาอัจฉริยะ สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้หลายอย่าง เช่น การวางขายผลงานต่างๆในรูปแบบ NFT

• กลุ่ม DeFi

เหรียญในระบบ Decentralized Finance คือ การเงินแบบไม่รวมศูนย์ หรือ เรียกกันว่า Token วัตถุประสงค์การใช้งานของเหรียญก็จะแตกต่างกันไป

• กลุ่ม GameFi

เป็นเหรียญที่ถูกสร้างที่มาใช้เล่นเกมอยู่ในเครือของบล็อกเชน ใช้ซื้อไอเทมต่างๆ ยังสามารถสร้างรายได้จามเกมได้อีกด้วย

• กลุ่ม Stablecoin

เหรียญที่อ้างอิงค่าเงินกับสินทรัพย์ต่างๆเอาไว้ เช่น ค่าเงินดอลลาร์ ราคาทอง ราคาน้ำมัน เพื่อไม่ให้ผันผวนมูลค่าสูงเหมือนเหรียญคริปโตอื่นๆ

• กลุ่ม ส่งต่อมูลค่า

พัฒนามาเพื่อนทำธุรกรรมมีความรวดเร็วขึ้นค่าธรรมเนียมถูกกว่าเหรียญประเภทอื่นๆ เช่น การโอนเงินข้ามประเทศ การแปลงเหรียญ

• กลุ่ม เหรียญมีม (Meme)

เหรียญที่ถูกสร้างขึ้นมาเล่นๆเพื่อล้อเลียน แต่กลับได้รับความนิยมอยู่ระยะหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ

• กลุ่ม เหรียญที่ออกมาโดยธนาคารกลาง (CBDC)

Central Digital Currency หรือ CBDC คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ คล้ายเงินสด แค่เปลี่ยนรูปแบบให้อยู่ในระบบดิจิทัลใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎประเทศนั้นๆ

อยากมีรายได้จาก คริปโทเคอร์เรนซี ทำได้อย่างไรบ้าง ?

การสร้างรายได้นั้นมีรูปแบบ หลายวิธี ที่สามารถทำได้ วันนี้ TOMITECH จะขอยกตัวอย่างมา 5 วิธีด้วยกัน

1. ลงทุนระยะยาว (Hodl)

เป็นกลยุทธ์ทำกำไรในระยะยาว ในวงการคริปโตฯ จะเรียกนักลงทุนสายนี้ว่า “Hodl” ย่อมาจาก “Hold on for dear life” ความหมายคือ ถือเหรียญคริปโตฯ ไปยาว ๆ อาจะเป็นเดือนเป็นปี โดยไม่สนใจว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงผันผวนแค่ไหนก็ตาม ไม่เน้นดูกราฟบ่อยๆ และถือครองจนกว่าจะพอใจในมูลค่า จึงขายเพื่อเอากำไร ซึ่งการลงทุนระยะยาวนั้นจะต้องมั่นใจว่า มูลค่านั้นมันจะเติบโตในอนาคต กำไรจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน

2. เทรด (Trading)

เป็นกลยุทธ์ทำกำไรในระยะสั้น เนื่องจากมูลค่าคริปโตฯ มีความผันเปลี่ยนบ่อยการ เทรดคริปโทเคอร์เรนซี โดยซื้อมาขายไปในเวลาสั้นๆ ได้กำไรน้อยแต่เน้นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากจะเล่นสายนี้จำเป็นจะต้องอาศัยประสบการณ์อยู่บ้าง ใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ หมั่นติดตามข่าวสารเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง สั่งสมจนทำให้เกิดการคาดการณ์ที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น

3. ขุด (Mining)

หนึ่งในวิธีหารายได้จาก Cryptocurrency การขุดคือ การแก้โจทย์หาค่าสมการที่ถูกต้อง เป็นกระบวนการตรวจสอบของคริปโตฯ โดยใช้ระบบ Proof of Work (PoW) หากทำสำเร็จเป็นคนแรกในระบบจะได้รับรางวัลเป็นเหรียญใหม่ที่ยังไม่มีในระบบเป็นค่าตอบแทน

4. Stakink

เป็นการใช้ระบบตรวจสอบ Proof of Stake (PoS) คือ นำเหรียญไปฝากและล็อคมันไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่รองรับการ Stake ซึ่ง ผลตอบแทนจะมาในรูปแบบดอกเบี้ย อัตราก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์ม Stake มีเวลาปลดล็อค อาจจะทำให้ไม่สามารถถอนเหรียญที่ฝากได้ทันที

5. แอร์ดรอป Airdrop

เป็นการแจกเหรียญคริปโตฯ รวมถึงโทเคนสู่กระเป๋าเงินดิจิทัล แบบฟรีๆ เพียงแค่ต้องไปทำกิจกรรมต่างๆตามที่ผู้แจกกำหนดไว้นั่นเอง เช่น แชร์หรือรีทวิตโพสต์ ติดตามแอ็กเคานด์ในโซเชียลหรือช่องทางต่างๆ วิธีนี้ถือเป็นการตลอดที่ทำให้ผู้คนรู้จักคริปโตฯยิ่งขึ้นอีกด้วย

ประโยชน์ของการเล่น คริปโทเคอร์เรนซี

แม้ในปัจจุบันการชำระหนี้ด้วย Cryptocurrency จะยังไม่มีก็ตามในกฎหมายหลายๆประเทศ
(ยกเว้นประเทศเอลซัลวาดอร์ซึ่งเป็นประเทศแรกในอนุมัติให้บิตคอยน์สามารถใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้) ในขณะเดียวก็ยังมีธุรกิจหลายแห่งนำเทคโนโลียีที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ มาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการใช้ในวงการเงิน เช่น การซื้อสินค้าด้วยสกุลดิจิทัล

• ทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและง่าย : เนื่องจากธุรกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นแบบ ดิจิทัลทั้งหมด การจะทำธุรกรรมใดๆ จึงง่ายยิ่งขึ้นไม่ว่าจะในประทเศหรือต่างประเทศ


• ต้นทุนในการทำธุรกรรมต่ำ: การโอนเงินข้ามประเทศแน่นอนว่า ค่าธรรมเนียม ที่เสียไปนั้นสูง แต่เมื่อทำธุรกรรมผ่านครปโตฯ จะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมากขึ้น


• มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว: ทำงานของคริปโตฯอยู่บนระบบ Blockchain ซึ่งทั้งปลอดภัย มีหรัสในการเข้าถึง ปลอมแปลงได้ยาก


• ความโปร่งใสที่เหนือกว่า: ธุรกรรมแต่ละรายการจะถูกบันทึกในบัญชีแยกในแต่และหมวดโดยใช้ระบบของ Blockchain จึงไม่สามารถแก้ไข หรือทำลายข้อมูลได้


• ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ: เพราะเชื่อว่าเหรียญมีอุปทานจำกัดอย่างเช่น Bitcoin สามารถนำมาเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อได้ จึงเก็บบิตคอยน์เข้าพอร์ตเพื่อป้องกันความเสี่ยง


• เปิดซื้อขายแลกเปลี่ยน 24 ชั่วโมง: Cryptocurrency นั้นมีสภาพคล่องตัวสูงเพราะเปิดให้ซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด
  
  

คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคน สัญชาติไทยมีอะไรบ้าง ?

• KUB (Bitkub Coin)


• JFIN (JFIN Coin)


• ALPHA (Alpha Finance)


• OMG (OMG Network)


• SIX (SIX Network)


• VELO (Velo)


• ZMT (Zipmex Token)


• FIRO (Firo)

ในโลกปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปอย่างมาก แม้แต่เงินตราจากธนบัตร เหรียญ ที่จับต้องได้ ถูกแปลเปลี่ยนไปอยู่ใน โลกของดิจิทัล เป็นสกุลเงินต่างๆ ใช้จ่ายซื้อขายในโลกออนไลน์ การลงทุนเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าของ ก็เพิ่มตามธุรกิจเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด แต่ทุกการลงทุนควรศึกษาให้ถี่ถ้วนและติดตาม ข่าวสาร อย่างต่อเนื่อง หาหากพลาดไปจะทำให้ขาดทุนมากกว่า ได้กำไรอย่างแน่นอน

Reference :TOMITECH